ศัลยกรรมเสริมจมูก (Rhinoplasty)
ศัลยกรรมเสริมจมูก เป็นการผ่าตัดตกแต่งหรือเสริมจมูก เพื่อปรับเปลี่ยนขนาดและรูปทรงของจมูกให้รับกับรูปหน้า ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่ทำโดยศัลยแพทย์ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการเสริมจมูกภูเก็ต
จุดประสงค์หลักของการศัลยกรรมจมูกมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1. การทำศัลยกรรมตกแต่งที่ช่วยฟื้นฟูรูปร่างและการทำงานของจมูก
การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะบกพร่องหรือความพิการแต่กำเนิด รวมถึงการผ่าตัดแก้ไขในรายที่ประสบอุบัติเหตุ
2. การศัลยกรรมเสริมความงาม
การศัลยกรรมเสริมความงามที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของจมูกตามความต้องการของผู้เข้ารับการศัลยกรรม ช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับใบหน้าหรือเสริมจมูกปรับรูปหน้าตามหลักโหงวเฮ้ง ตัวอย่างเช่น
- การศัลยกรรมยืดความยาวของจมูกให้ได้ปลายจมูกที่โด่งและยาวขึ้น เสริมความโดดเด่นให้กับรูปหน้า
- ศัลยกรรมปรับโครงสร้างจมูกตามหลักโหงวเฮ้ง เช่น เสริมจมูกภูเก็ต เสริมปลายจมูกให้พุ่งยาวและปลายมล เพราะหลักโหงวเฮ้ง เชื่อว่าคนที่มีปลายจมูกตัด ปลายจมูกไม่พุ่ง แม้จะเป็นคนมีความสามารถหรือเก่งแค่ไหนโอกาสดีๆในชีวิตไม่ค่อยมีเข้ามา เก่งแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถ หรือศัลยกรรมเสริมสันจมูกปรับรูปหน้าตามหลักโหงวเฮ้ง เพราะคนที่มีสันจมูกแบนจะมีปัญหาเก็บทรัพย์ไม่อยู่
เทคนิคการเสริมจมูกมีกี่แบบ ?
การผ่าตัดเสริมจมูกที่ได้รับความนิยมหลัก ๆ มีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
- การเสริมจมูกแบบเปิด (Open)
- การเสริมจมูกแบบปิด (Close)
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิด เป็นเทคนิคศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยวิธีผ่าตัดเปิดโครงสร้างจมูก เพื่อช่วยให้การผ่าตัดปรับแต่งโครงสร้าง รวมทั้งการแก้ไขความผิดปกติของจมูกทำได้ง่ายและเห็นผลลัพธ์ เนื่องจากเปิดโครงสร้างจมูก ทำให้เห็นโครงสร้างจมูกได้อย่างชัดเจน จึงสามารถปรับโครงสร้างภายในของจมูกได้ตอบโจทย์ทุกปัญหา
การเสริมจมูกแบบเปิดเหมาะกับใคร ?
การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด เป็นเทคนิคที่สามารถปรับโครงจมูกให้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดปรับโครงสร้างจมูกด้วยการเปิดแผลบริเวณฐานจมูกและแยกเนื้อจมูกออก ทำให้มองเห็นโครงสร้างภายในได้ทั้งหมด โดยใช้วัสดุธรรมชาติภายในร่างกายของผู้ที่ต้องการศัลยกรรม เช่น การนำกระดูกอ่อนมาเป็นโครงสร้างของจมูกที่จะเสริมใหม่ ส่วนของกระดูกอ่อนที่นิยมนำมาใช้ได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนแกนจมูกและกระดูกอ่อนซี่โครง ซึ่งกระดูกอ่อนจากส่วนต่างๆเหล่านี้จะช่วยยืดจมูกให้ปลายพุ่งสวยมากกว่าและป้องกันการทะลุ
การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับใครบ้าง ?
- คนที่มีปัญหาจมูกสั้น
- สันจมูกคด
- มีโหนกสันจมูกที่ใหญ่มาก
- จมูกงุ้มโครงสร้างเบี้ยว เอียงผิดรูป
- มีปลายจมูกที่ใหญ่ ต้องการผ่าตัดแก้ไขปลายจมูกที่ใหญ่ให้เล็กลง
- ต้องการยืดความยาวของผนังกั้นจมูก ให้ปลายยาวขึ้น โด่ง และพุ่ง
- กรณีผู้ศัลยกรรมมีเนื้อจมูกแข็ง ตึงมาก การเสริมด้วยซิลิโคนไม่สามารถดันจมูกให้โด่ง และพุ่งได้
- ต้องการแก้ไขความผิดปกติของรูจมูก เช่น เมื่อมองหน้าตรงแล้วเห็นรูจมูกที่ใหญ่ การผ่าตัดเพื่อต้องการให้รูจมูกคว่ำ หรือเห็นรูจมูกเล็กลง
- กรณีของคนที่มีปัญหาแก้จมูกมาหลายๆครั้ง แล้วแต่จมูกยังเอียงอยู่
ข้อควรรู้ ก่อนศัลยกรรมจมูกแบบเปิด
- การศัลยกรรมจมูกแบบเปิดเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่จะต้องเปิดจมูกออกเพื่อช่วยให้เห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ชัดเจน ซึ่งสามารถปรับรูปจมูกได้ตอบโจทย์ตามความต้องการหรือแก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์มากที่สุด จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยมากกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไปในแต่ละราย
- การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด จะทำให้มีแผลในรูจมูก และแผลบริเวณตรงกลางระหว่างรูจมูกสองข้าง
- การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด มักจะใช้กระดูกอ่อนซี่โครง กระดูกอ่อนใบหู กระดูกเทียมร่วมด้วย ในการแก้ไขหรือจัดทรงจมูกเฉพาะราย ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และเลือกเทคนิควิธีที่เหมาะสมในแต่ละราย
ข้อจำกัดของการศัลยกรรมจมูกแบบเปิด
- ศัลยกรรมจมูกแบบเปิดเป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนาน
- เป็นเทคนิควิธีที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์มากกว่า
- การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด มีการใช้ยาสลบในการผ่าตัด
- ระยะเวลาพักฟื้นนาน
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
การศัลยกรรมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคในการผ่าตัดเสริมจมูก ที่จะไม่มีแผลให้มองเห็นจากภายนอกได้ เนื่องจากเป็นการเปิดแผลบริเวณด้านในจมูกเพียงข้างเดียวและแผลที่เปิดจะมีขนาดเล็ก โดยแพทย์จะทำการสอดซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาเป็นทรงที่เหมาะสม หรือตามรูปแบบที่ผู้ศัลยกรรมต้องการเข้าไปด้านในบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูก ซึ่งการเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคที่ใช้เวลาไม่นานเฉลี่ยใช้เวลาเพียง 1-2 ชม. เท่านั้น
การเสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร ?
การศัลยกรรมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นด้วยการเสริมซิลิโคน ซึ่งเป็นเทคนิควิธีที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน การเสริมจมูกแบบปิดจะเป็นการเสริมตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูกและเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหรือมีลักษณะจมูก ดังนี้
- เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความสูงให้กับจมูกเพียงเล็กน้อย และไม่มีปัญหาอื่น ๆ
- เหมาะกับคนที่รูปทรงจมูกเดิมเป็นทรงดีอยู่แล้ว แต่ต้องการปรับรูปทรงจมูกให้พุ่ง และโดดเด่นยิ่งขึ้น
- เป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้เห็นแผลผ่าตัดจากภายนอก และเหมาะกับคนทำงานที่ไม่มีวันลาหรือไม่สามารถใช้เวลาพักฟื้นนาน ๆ ได้
- เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อจมูกเยอะมีพื้นฐานจมูกเดิมที่ดี
ข้อควรรู้ ก่อนศัลยกรรมจมูกแบบปิด
- การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดจะมีแผลเฉพาะในรูจมูก 1 หรือ 2 ข้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์
- อาการบวมช้ำหลังผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด จะมีมากหรือน้อยขึ้น ทำแล้วฟื้นตัวไวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ และขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ศัลยกรรมแต่ละบุคคล
- การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด ใช้เวลาผ่าตัดเฉลี่ย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
- ในการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิควิธีที่นิยมทำร่วมกับ การใช้เนื้อเยื่อเทียมรองปลายจมูก หรือ ใช้กระดูกอ่อนหลังหูเพื่อรองปลาย ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้บริเวณปลายจมูกบางลงจากการถูกซิลิโคนดัน
ข้อดีของการศัลยกรรมจมูกแบบปิด
- เป็นการผ่าตัดด้านในรูจมูก ขั้นตอนการผ่าตัดไม่ซับซ้อนมาก และใช้เวลาไม่นาน
- การผ่าตัดจะได้รูปจมูกที่พุ่งสวยและไม่มีรอยแผลเป็นด้านนอก
- ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ
- หลังการผ่าตัดเสริมจมูก มีขั้นตอนการดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก บวมช้ำน้อย ระยะเวลาพักฟื้นสั้น
- ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดถูกกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
- ถ้ามีโรคประจำตัว แพ้ยา แพ้อาหาร แจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
- งดวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil
- ในวันผ่าตัด ควรงดแต่งหน้าจัด ถอดเก็บของมีค่า เครื่องประดับที่เป็นโลหะทุกชนิด เพราะมีผลต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์
- แจ้งประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร โรคประจำตัว ให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ทราบก่อนทุกครั้ง
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดหลังผ่าตัดเสริมจมูก
- ควรยกศีรษะสูงในช่วง 3 วันแรก (นอนหนุนหมอน 2-3 ใบ)
- หลังผ่าตัด ควรประคบเย็นบริเวณหน้าผากและหน้าแก้ม หลีกเลี่ยงการประคบโดนจมูกโดยตรง โดยประคบประมาณ 2-3 วัน เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการเลือดออก และลดบวมได้อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หลังทำประมาณ 1 สัปดาห์
- ดูแลทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์ ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ จนกว่าแผลจะหายดี
- งดทานอาหารหมักดอง กะปิ ปลาร้า หลังผ่าตัดประมาณ 3 สัปดาห์
- ควรงดออกกำลังกายหนัก 4 สัปดาห์
- หลังผ่าตัดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- นัดติดตามอาการกับแพทย์และตัดไหม 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด