ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากหลายสาเหตุหลักๆ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ปัจจัยภายใน
- อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารต่างๆ ที่ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงอย่าง คอลลาเจน อิลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิค ลดลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน เกิดริ้วรอย รอยตีนกา และผิวหย่อนคล้อยตามมา
- พันธุกรรม: คนที่มีผิวแห้งหรือมีโครงสร้างผิวไม่ดีจากพันธุกรรม มักมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้มากกว่า
- ปัจจัยภายนอก
- แสงแดด: รังสียูวีจากแสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย รอยจุดด่างดำ และผิวหนังมะเร็ง
- มลภาวะ: ฝุ่นละออง ควันพิษ และสารเคมีต่างๆ ในอากาศ ล้วนเป็นตัวการที่ทำร้ายผิว ทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- การสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอยร่องลึก และผิวหมองคล้ำ
- การดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ไปทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน เกิดริ้วรอย และผิวหมองคล้ำ
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดการซ่อมแซมตัวเอง ผิวดูโทรม เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำใต้ตา
- การแสดงสีหน้า: การแสดงสีหน้าซ้ำๆ เช่น ขมวดคิ้ว ยิ้ม ยักคิ้ว ทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้า กลายเป็นริ้วรอยเมื่อเวลาผ่านไป
- การขัดถูผิวหน้าแรงๆ: การขัดถูผิวหน้าแรงๆ ทำให้ผิวระคายเคือง เกิดริ้วรอย และผิวเสื่อมสภาพ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเกิดริ้วรอย เช่น
- ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย
ริ้วรอย สามารถรักษาได้ง่าย โดยการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) การฉีดโบท็อกซ์ (Botox Injection) คือ การนำสารโบทูลินั่มท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการรักษา เป็นผลทำให้ลดการเกิดริ้วรอยและเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์สามารถลดการเกิดริ้วรอยบนหน้าได้ เช่น ริ้วรอยบริเวณผาก ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยรอบปาก และริ้วรอยบริเวณคาง การใช้โบท็อกซ์ในการลดริ้วรอยจะต้องได้รับการทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการใช้ยานี้เท่านั้น ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้โบท็อกซ์เสมอ โดยการเลือกใช้ที่คลินิกที่มีความเชี่ยวชาญในการทำโบท็อกซ์จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้มากขึ้น
โบท็อกซ์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้คนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย โบท็อกซ์ถูกใช้ในการรักษาริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในบริเวณใบหน้า โดยการทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในบริเวณนั้นผ่อนคลายลง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เรียกว่า “การลดเลือนริ้วรอย”
กระบวนการใช้โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยแห่งวัยมักจะเป็นกระบวนการที่รวดเร็ว และไม่เจ็บปวด โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ลงไปในกล้ามเนื้อที่เกิดริ้วรอย โดยใช้เข็มที่มีขนาดเล็ก ผลลัพธ์หลังจากการใช้โบท็อกซ์สามารถเห็นได้ภายในไม่กี่วันหลังจากที่ทำการฉีด และผลลัพธ์สม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยผู้ที่ทำการฉีดโบท็อกซ์สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที โดยไม่มีอาการบวมอาการแดง
สำหรับผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้โบท็อกซ์ อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณของโบท็อกซ์ที่ใช้ และประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อในแต่ละบุคคล แพทย์จะให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนและการใช้โบท็อกซ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและปัจจัยที่มีผลต่อผลลัพธ์ที่ต้องการให้ได้ที่ดีที่สุด
การใช้โบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยมีข้อดีหลายประการดังนี้ :
- ลดการเกิดริ้วรอย: โบท็อกซ์ช่วยลดการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในบริเวณใบหน้า เช่น ริ้วรอยในบริเวณผาก รอยย่นรอบดวงตา และริ้วรอยรอบปาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนอยู่เสมอ
- เห็นผลลัพธ์ทันที: ผลลัพธ์หลังจากการใช้โบท็อกซ์สามารถเห็นได้ในเวลาเร็ว โดยมักเห็นผลลัพธ์ภายในไม่กี่วันหลังจากที่ทำการฉีด
- เวลาฟื้นตัวน้อย: การใช้โบท็อกซ์ไม่ต้องการเวลาฟื้นตัวนาน ผู้ที่ได้รับการทำโบท็อกซ์สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที โดยไม่มีอาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด
- มีประสิทธิภาพและปลอดภัย: โบท็อกซ์เป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยมักจะไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง เนื่องจากการใช้โบท็อกซ์ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาและการศึกษาวิจัยอย่างสม่ำเสมอ
- เสริมความเชื่อมั่น: การเลือนริ้วรอยแห่งวัยด้วยโบท็อกซ์ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่รับการรักษา ซึ่งสามารถช่วยเสริมความรู้สึกดีเกี่ยวกับรูปร่างและลักษณะใบหน้าของตนเองได้