แผลเป็นคีลอยด์

แผลเป็นคีลอยด์ (Keroid)

คีลอยด์ (Keloid) คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ มีขนาดและสีที่แตกต่างจากรอยแผลเดิม โดยทั่วไปแล้วคีลอยด์จะเกิดขึ้นบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บหรืออักเสบรุนแรง เช่น บริเวณหลังการผ่าตัด แผลจากสิว หลังการเจาะหู หรือแผลจากการฉีดวัคซีน คีลอยด์มักพบในคนผิวสีมากกว่าคนผิวขาว และพบได้บ่อยในคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นคีลอยด์

สาเหตุของการเกิดคีลอยด์

ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดคีลอยด์ แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของการซ่อมแซมบาดแผลของร่างกาย โดยร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนมากเกินไปบริเวณแผล ทำให้แผลเป็นนูนขึ้นมา ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์ ได้แก่

  • เชื้อชาติ: คนผิวสีมีความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์มากกว่าคนผิวขาว
  • พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นคีลอยด์ ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์เช่นกัน
  • ตำแหน่งของแผล: ตำแหน่งของแผลที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น บริเวณหัวไหล่ หน้าอก หรือใบหู มีความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์มากกว่าตำแหน่งที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
  • ขนาดของแผล: แผลที่มีขนาดใหญ่ มีความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์มากกว่าแผลที่มีขนาดเล็ก

อาการของคีลอยด์

คีลอยด์มักมีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ มีขนาดและสีที่แตกต่างจากรอยแผลเดิม โดยทั่วไปแล้วคีลอยด์จะมีสีชมพูหรือแดงเข้ม บางครั้งอาจมีสีดำหรือม่วง คีลอยด์อาจมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วยได้

การรักษาคีลอยด์

การรักษาคีลอยด์อาจทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาด สี และความรุนแรงของคีลอยด์ การรักษาคีลอยด์อาจทำได้ดังนี้

  • การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาหรือฉีดเพื่อลดขนาดและอาการของคีลอยด์
  • การใช้เลเซอร์ เลเซอร์บางชนิด เช่น Pulse Dye Laser และ V-Beam Laser สามารถช่วยทำให้คีลอยด์มีขนาดเล็กลงและสีจางลง
  • การผ่าตัด การผ่าตัดอาจใช้เพื่อเอาเนื้อเยื่อคีลอยด์ออก แต่อาจมีโอกาสที่คีลอยด์จะกลับมาเป็นซ้ำได้ หลังผ่าตัดควรมีการรักษาร่วมกับการฉีดยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะฉีดไม่มากในแต่ละครั้ง และรอนานประมาณ 1 เดือนจึงจะฉีดซ้ำ

การป้องกันการเกิดคีลอยด์

การป้องกันการเกิดคีลอยด์อาจทำได้ดังนี้

  • หากมีแผล ให้ดูแลแผลให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
  • หากมีแผลขนาดใหญ่หรือเป็นแผลที่มีโอกาสเกิดคีลอยด์ได้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • หลีกเลี่ยงการแกะเกาหรือสัมผัสแผลโดยตรง

หากท่านมีคีลอยด์หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคีลอยด์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

ปรึกษาแพทย์หรือพยาบาล